CLASS Dental Clinic – คลินิกทันตกรรมคลาส

รักษาโรคเหงือก (Gum Disease Treatment)

คุณเคยเจอปัญหาเหล่านี้ไหม?

คุณอาจต้อง

"รักษาโรคเหงือก"

โรคปริทันต์อักเสบ หรือโรคเหงือก (Periodontitis /Gum Disease) คือ โรคจากการอักเสบของเหงือก และการติดเชื้อที่กระดูกรอบฟัน และบริเวณใกล้เคียง ที่มีต้นกำเนิดจากแบคทีเรีย คราบพลัคและหินปูนที่สะสมเป็นเวลานาน ทำให้กระดูกที่ยึดรอบฟันละลาย เหงือกจึงร่นตัวลง คนไข้จะรู้สึกได้จากการมีฟันโยก หลุด หรือต้องถูกถอนออกไปจากอาการโยก

สาเหตุของโรคเหงือก

เกิดจากหินปูนสะสมกับแบคทีเรีย และมีปัจจัยกระตุ้น

  • ปัจจัยที่ควบคุมได้ (พฤติกรรม)
    สุขอนามัยในช่องปากไม่ดี
    การไม่มาพบทันตแพทย์เป็นประจำ
    การสูบบุหรี่
    การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
  • ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้
    กรรมพันธ์ุ
    โรคภูมิต้านตนเอง (SLE) หรือโรคทางระบบ
    โรคเบาหวาน
    การนอนกัดฟัน

ข้อดีการรักษาโรคเหงือก

อาการของโรค

อาการของโรค

เรียงตามระดับความรุนแรง

1.

ระยะเหงือกอักเสบ
(Gingivitis)

ระยะเหงือกอักเสบ เกิดจากการสะสมของคราบจุลินทรีย์เนื่องจากดูแลสุขภาพช่องปากได้ไม่ดี ทำให้เนื้อเยื่อเปลี่ยนจากสีชมพูปกติเป็นสีแดง มักจะบวมและมีเลือดออกเมื่อสัมผัสโดน

ความลึกร่องเหงือก 2-4 มม.

2.

ระยะโรคเหงือกเริ่มต้น (Early Periodontitis)

มีอาการแดง มีเลือดออก และเหงือกบวม สิ่งที่บ่งชี้ว่าเป็นโรคเหงือก (ไม่ใช่แค่เหงือกอักเสบ) คือการสูญเสียกระดูกรอบฟัน การอักเสบลามจากเหงือกไปยังกระดูกจะเริ่มทำให้มวลกระดูกลดลง ทำให้สังเกตได้ว่าฟันเริ่มโยก

ความลึกร่องเหงือก 4-6 มม.

3.

ระยะโรคเหงือกปานกลาง (Moderate Periodontitis)

การอักเสบและการติดเชื้อจะลุกลามลึกเข้าไปในเนื้อเยื่อมากขึ้น ส่งผลให้กระดูกรอบรากฟันสูญเสียไป 20-50% อาการต่างๆ เช่น เลือดออก บวม และแดงจะยังคงอยู่ และอาจมองเห็นหนองได้

ความลึกร่องเหงือก 4-8 มม.

4.

ระยะโรคเหงือกขั้นสูง (Advanced Periodontitis)

สูญเสียกระดูกไปอย่างรุนแรง 50-85% ทำให้การยึดแน่นของฟันลดลง รากฟันจะหลวมมากและไม่สบายตัว มักเคลื่อนไหวตามการเคี้ยว ยังคงมีอาการเลือดออก บวม แดง และอาจมีหนอง

ความลึกร่องเหงือก 7-12 มม.

1.

ระยะเหงือกอักเสบ (Gingivitis)

ระยะเหงือกอักเสบ เกิดจากการสะสมของคราบจุลินทรีย์เนื่องจากดูแลสุขภาพช่องปากได้ไม่ดี ทำให้เนื้อเยื่อเปลี่ยนจากสีชมพูปกติเป็นสีแดง มักจะบวมและมีเลือดออกเมื่อสัมผัสโดน

ความลึกร่องเหงือก 2-4 มม.

2.

ระยะโรคเหงือกเริ่มต้น (Early Periodontitis)

มีอาการแดง มีเลือดออก และเหงือกบวม สิ่งที่บ่งชี้ว่าเป็นโรคเหงือก (ไม่ใช่แค่เหงือกอักเสบ) คือการสูญเสียกระดูกรอบฟัน การอักเสบลามจากเหงือกไปยังกระดูกจะเริ่มทำให้มวลกระดูกลดลง ทำให้สังเกตได้ว่าฟันเริ่มโยก

ความลึกร่องเหงือก 4-6 มม.

3.

ระยะโรคเหงือกปานกลาง (Moderate Periodontitis)

การอักเสบและการติดเชื้อจะลุกลามลึกเข้าไปในเนื้อเยื่อมากขึ้น ส่งผลให้กระดูกรอบรากฟันสูญเสียไป 20-50% อาการต่างๆ เช่น เลือดออก บวม และแดงจะยังคงอยู่ และอาจมองเห็นหนองได้

ความลึกร่องเหงือก 4-8 มม.

4.

ระยะโรคเหงือกขั้นสูง (Advanced Periodontitis)

สูญเสียกระดูกไปอย่างรุนแรง 50-85% ทำให้การยึดแน่นของฟันลดลง รากฟันจะหลวมมากและไม่สบายตัว มักเคลื่อนไหวตามการเคี้ยว ยังคงมีอาการเลือดออก บวม แดง และอาจมีหนอง

ความลึกร่องเหงือก 7-12 มม.

รู้หรือไม่ ?

โรคเหงือกร้ายแรงกว่าที่คิด

คนไทยอายุมากกว่า 35 ปี

มีโอกาสเป็นโรคเหงือกกว่า 1 ใน 4

อ้างอิงจากรายงานผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติ ครั้งที่ 8 ประเทศไทย

ขั้นตอนการรักษา

1.
ปรึกษาทันตแพทย์

ตรวจสุขภาพเหงือกและฟัน รวมถึงถ่ายภาพ X-ray ว่าคนไข้เป็นโรคเหงือกหรือไม่ หากเป็นโรคเหงือก ทันตแพทย์จะตรวจฟันทีละซี่และจำแนกระดับความรุนแรงว่าฟันสามารถเก็บไว้ได้หรือไม่ หากเก็บไม่ได้ (รุนแรงเกินกว่าจะรักษา) จะพิจารณาถอนฟันออก ส่วนซี่ที่ยังเก็บได้ จะเข้าสู่กระบวนการรักษาขั้นถัดไป

2.
ขูดหินปูน และเกลารากฟัน

การขูดหินปูน และการเกลารากฟันเป็นขั้นตอนแรกในการรักษาโรคเหงือก เป็นการกำจัดหินปูนทั้งระดับเหนือเหงือก และใต้เหงือกออก เป็นการกำจัดต้นตอของสาเหตุของโรคเหงือก

3.
ติดตามผลการรักษา (Follow up)

ติดตามดูอาการ 3-6 เดือน เพื่อดูการตอบสนองของเหงือก รวมถึงประเมินการดูแลฟันของคนไข้ ว่าทำความสะอาดได้ดีหรือไม่ อาจต้องขูดหินปูนและเกลารากฟันซ้ำเป็นระยะเพื่อป้องกันการลุกลาม และกลับมาเป็นซ้ำ หากบางตำแหน่งของฟัน ตอบสนองได้ไม่ดี ถึงแม้จะเกลารากฟันไปแล้ว จะต้องทำการรักษาในขั้นถัดไป

4.
ปริทันต์บำบัด (Perio Maintenance)

ฟันที่เป็นโรคเหงือกขั้นสูงบางครั้งไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ ทันตแพทย์อาจเลือกใช้วิธีได้แก่ การปลูกกระดูก การตัดเหงือก กรอแต่งกระดูก เพื่อช่วยคืนความแข็งแรงให้กับฟัน

1.
ปรึกษาทันตแพทย์

ตรวจสุขภาพเหงือกและฟัน รวมถึงถ่ายภาพ X-ray ว่าคนไข้เป็นโรคเหงือกหรือไม่ หากเป็นโรคเหงือก ทันตแพทย์จะตรวจฟันทีละซี่และจำแนกระดับความรุนแรงว่าฟันสามารถเก็บไว้ได้หรือไม่ หากเก็บไม่ได้ (รุนแรงเกินกว่าจะรักษา) จะพิจารณาถอนฟันออก ส่วนซี่ที่ยังเก็บได้ จะเข้าสู่กระบวนการรักษาขั้นถัดไป

2.
ขูดหินปูน และเกลารากฟัน

การขูดหินปูน และการเกลารากฟันเป็นขั้นตอนแรกในการรักษาโรคเหงือก เป็นการกำจัดหินปูนทั้งระดับเหนือเหงือก และใต้เหงือกออก เป็นการกำจัดต้นตอของสาเหตุของโรคเหงือก

3.
ติดตามผลการรักษา (Follow up)

ติดตามดูอาการ 3-6 เดือน เพื่อดูการตอบสนองของเหงือก รวมถึงประเมินการดูแลฟันของคนไข้ ว่าทำความสะอาดได้ดีหรือไม่ อาจต้องขูดหินปูนและเกลารากฟันซ้ำเป็นระยะเพื่อป้องกันการลุกลาม และกลับมาเป็นซ้ำ หากบางตำแหน่งของฟัน ตอบสนองได้ไม่ดี ถึงแม้จะเกลารากฟันไปแล้ว จะต้องทำการรักษาในขั้นถัดไป

4.
ปริทันต์บำบัด (Perio Maintenance)

ฟันที่เป็นโรคเหงือกขั้นสูงบางครั้งไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ ทันตแพทย์อาจเลือกใช้วิธีได้แก่ การปลูกกระดูก การตัดเหงือก กรอแต่งกระดูก เพื่อช่วยคืนความแข็งแรงให้กับฟัน

คำแนะนำระหว่างรักษา

WHY US?

จัดเต็ม ครบจบ ทุกปัญหาเหงือก

เราลงทุนอุปกรณ์ระดับโลก

เรามีทีมแพทย์ครอบคลุม

ดูแลให้กการรักษาโดยทันตแพทย์เหงือกโดยตรง และหากมีการต้องปรึกษาทันตแพทย์ด้านอื่น เรามีทันตแพทย์ชำนาญครอบคลุมทุกสาขา เราจัดให้แพทย์แต่ละท่านได้รักษาเฉพาะสิ่งที่ตนเองถนัดที่สุด เพื่อผลการรักษาที่ดี

เราช่วยวางแผนการรักษาให้

ดูแลครบจบในที่เดียว วางแผนช่องปากแบบองค์รวม คนไข้ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องวางแผน ไม่ต้องส่งตัว เพราะเราจัดการแผนการรักษาที่น่าปวดหัวให้ทั้งหมด

อัตราค่าบริการ

โดย ทันตแพทย์เฉพาะทางเหงือก

เริ่มต้นเพียง 1500 บาท

ชำระได้ด้วยเงินสด เงินโอน และบัตรเครดิต

รักษาโรคเหงือก
หมดห่วง สบายใจ

ให้เราได้ดูแล "คุณ" "คนที่คุณรัก" นะคะ

พิเศษ เฉพาะ ผู้ลงทะเบียน

ลงทะเบียนปรึกษา

วัน
ชั่วโมง
นาที
วินาที
โรคเหงือก

คำถามที่พบบ่อย

หากแปรงฟันและทำความสะอาดไม่ดีพอ อีกทั้งไม่ได้พบทันตแทพย์เป็นระยะเวลานาน คราบพลัคที่อยู่บนฟันจะแข็งตัวเป็นหินปูนที่เต็มไปด้วยแบคทีเรีย หินปูนกำจัดออกได้ยากกว่าคราบพลัค จึงต้องใช้เครื่องมือพิเศษขูดออกเหนือและใต้ขอบเหงือก

การรักษาโรคเหงือก เริ่มด้วยการ ขูดหินปูน (เอาหินปูนเหนือเหงือกออก) และการเกลารากฟัน (เอาหินปูนส่วนใต้เหงือกออก) อาจกล่าวได้ว่าเป็นการขจัดคราบพลัคและหินปูนที่ทำให้เกิดช่องว่างที่ขรุขระไม่เรียบบนพื้นผิวของรากฟัน เมื่อรักษาแล้วพื้นผิวของรากฟันจะเรียบ และพื้นผิวจะมีโอกาสสะสมแบคทีเรียน้อยลง ทำให้เหงือกเริ่มสมานตัวได้

ค่าบริการ เกลารากฟัน (รวมขูดหินปูน) 1500-2500 บาท/มุมปาก มีทั้งหมด 4 มุมปาก (บน-ล่าง-ซ้าย-ขวา) โดยสามารถทำเสร็จได้ในครั้งเดียว หรือแบ่งทำได้

สำหรับการรักษาต่อเนื่องสำหรับท่านที่เป็นโรคเหงือกระดับรุนแรง เช่น การปลูกกระดูก และปลูกเหงือก จะมีค่าบริการไม่เท่ากัน ขึ้นกับขนาด และตำแหน่ง ทันตแพทย์จะช่วยวางแผนให้ท่าน ยังไม่ต้องกังวล

การขูดหินปูน และเกลารากฟันทั้งปากใช้เวลาเพียง 1-2 ชั่วโมง โดนคนไข้สามารถทำครั้งเดียวเสร็จได้ หรือแบ่งทำก็ได้ ตาความสะดวกของตน โดยหลังจากนั้นคนไข้จะต้องนัด Follow up กับแพทย์ทุก 3-6 เดือน เพื่อติดตามผลลัพธ์ของการรักษา ป้องกันการกลับมาเป็นใหม่

ในขณะรักษา ทันตแทพย์จะทำภายใต้ยาชา ดังนั้นคนไข้จะไม่มีความรู้สึกใดๆ เมื่อยาชาหมดฤทธิ์ อาจมีอาการเหงือกระบมอยู่บ้าง สามารถทานยาแก้ปวดได้ทุก 4 ชั่วโมง อาการปวดจะค่อยๆบรรเทาลง

ขั้นแรก คือ การดูแลการแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และใช้ไหมขัดฟันวันละครั้ง วิธีนี้จะช่วยขจัดคราบพลัคออกจากฟันก่อนที่จะแข็งตัวเป็นหินปูน หากคนไข้เคยรักษาโรคเหงือก หรือเคยมีแพทย์แจ้งความเสี่ยง แนะนำให้แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันบ่อยขึ้น เช่น หลังอาหารทุกมื้อ

ขั้นตอนที่สอง คือ การไปพบทันตแพทย์ทุก 3-6 เดือน เพื่อทำความสะอาดฟันเป็นประจำ โดยทันตแพทย์จะช่วยกำจัดคราบพลัคที่หลงเหลือหลังจากแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟัน

ดูแลโดยทันตแพทย์เฉพาะทาง

ดูแลโดยทันตแพทย์เฉพาะทาง

หมอเหงือก รักษาโรคเหงือก

ทพ.สิขเรศ ประชานุกูล

  • เวลาออกตรวจ

    ทุกวันพุธ เวลา 10.30 - 20.00 น. (ต้องทำนัดล่วงหน้าเท่านั้น สามารถทำนัดวันตามต้องการได้ กรุณาสอบถามคลินิก)